บ้านพราวดาว - ปล่อยใจให้ลอยล่องไปกับนิยายรักแสนหวาน

Started by Topic:    ดุจหทัย ตอน 2  (Read: 850 times - Reply: 0 comments)
 

Posts: 0 topics
Joined: none

ดุจหทัย ตอน 2
« Thread Started on 22/2/2555 21:45:00 IP : 110.77.200.60 »
 

“คุณครับ”

            คัตซึโมโตะ เทมส์ ชายหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น – อังกฤษ พาตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าร่างอ้วนที่ขยับมือปั้นซูชิจนมือเป็นระวิง เพราะออเดอร์เก่ายังค้างอยู่ แถมลูกค้าใหม่ก็สั่งเพิ่มเติมอีกต่างหาก

                “อะไรคะ?”

                ดุจหทัยนั้น แม้จะเคืองขุ่นที่ผู้ชายคนนี้ทำอะไรไม่เข้าท่า แต่ด้วยความที่มีอาชีพให้บริการจึงพยายามไม่กวนน้ำให้ขุ่น จนเสียลูกค้าอย่างเด็ดขาด

                “ร้านคุณ...อาหารอร่อย”

                “ขอบคุณ”

                “แล้วซูชิ...”

                ร่างอ้วนมองหน้าคนที่เข้ามาคุยด้วยอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะรีบเรียงข้าวปั้นหน้าต่างๆ ลงในกล่องสี่เหลี่ยม ซึ่งหุ้นส่วนทุกคนลงความเห็นว่าภาชนะรวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในร้านจะต้องสั่งทำเฉพาะ แล้วสรีนชื่อร้านลงไป แม้จะต้องลงทุนแต่ก็คิดว่าคุ้มค่าที่จะทำ

                “เชิญคุณนั่งที่โต๊ะดีกว่าค่ะ”

                “.........”

                ร่างสูงโปร่งกลับยืนนิ่ง แต่กวาดสายตาไล่มองถาดใส่ซูชิ คะเนคร่าวๆ กว้างยาวประมาณหนึ่งฟุต แสดงว่าร้านนี้ขายดีแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่มีจำนวนถึงครึ่งโหลเช่นนี้ ทว่าการนิ่งเฉยนั้นกลับกลายเป็นเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างอ้วนได้พิจารณาชายหนุ่มผู้นี้อย่างจริงจัง

ใบหน้าของเขาแม้จะเรียวยาว แต่ก็รู้ดีว่าถ้าลองได้จับจะรู้ได้ว่ามันแข็งแกร่งไม่นวลเนียนเหมือนผิวผู้หญิงผิวกายของเขาขาวสะอาดน่ามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรียวปากสีชมพูระเรื่อ ถ้าไม่มีไรเคราเขียวๆ แล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าถ้าเห็นแค่ส่วนนี้ จะนึกกว่าเป็นผู้หญิงเอาได้ง่ายๆ เลยเชียว 

                “หน้าไหนขายดีที่สุดครับ”

                อยู่ๆ คัตซึโมโตะก็เงยหน้าขึ้นมองดุจหทัยจนเธอได้แต่กระพริบตาปริบๆ ยิ่งอีกฝ่ายยิ้มจนเห็นว่าแก้มของเขากดเป็นร่องบุ๋มก็ถึงกับเก้อเขิน แก้มเนียนชื้นเหงื่อถึงกับเห่อร้อนเพราะชายหนุ่มต้องรู้แน่ๆ ว่าแอบมองเขาไม่วางตา

                “เอ่อ...”

                “คุณคงยุ่ง...ขอโทษที่รบกวน”

                หญิงสาวได้แต่เหวอ

                “เดี๋ยว”

                “ครับ”

                หญิงสาวกำลังจะขยับปากตอบเขา ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยดังลั่นของเด็กสาวๆ ก่อนที่กลุ่มนั้นจะมาถึงร้านเสียอีก และพอมาถึงก็ตะโกนทักทายเจ้าของร้านอาวุโสที่สุดด้วยความคุ้นเคย จนดูเหมือนว่าไม่เกรงใจแขกคนอื่น หากนั่นเพราะพวกเธอไม่เห็นร่างสูงโปร่งซึ่งปลีกตัวเข้าห้องน้ำ

                “พี่นกยูง...วันนี้มาขายของด้วยเหรอ”

                นักศึกษาสาวคนหนึ่งถามขึ้น

                “อือ”

                “งั้นก็ได้กินซูชิหน้าบางล่ะสิเนี่ย”

                “ยายกั๊งพูดเกินไปนะ! เห็นพี่งกขนาดนั้นเลยเหรอ”

                ร่างอ้วนแกล้งทำเสียงดุ หน้าบึ้ง แต่รู้ดีว่าพวกนี้ก็แหย่ไปอย่างนั้นแหละ

                “ช่าย”

                “งั้นวันนี้ก็อดของแถมแล้วกัน”

                เด็กนักศึกษาส่ายหน้าไม่เชื่อ ก่อนจะยิ้มทะเล้นแล้วกลับไปที่โต๊ะ พร้อมสั่งอาหารกับปุ้ม โดยที่เพื่อนอีกสามคนสั่งไปก่อนหน้าแล้ว และพวกเธอเหล่านั้นก็แอบกระซิบกระซาบกันด้วยใบหน้าเขินอายเมื่อเห็นคัตซึโมโตะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ แล้วหยิบตะเกียบวางกับโต๊ะมาคีบซูชิจิ้มซอสกับวาซาบิเผ็ดจี๊ดขึ้นจมูกเข้าปาก

                คำแรกที่ได้ชิมเป็นหน้าปลาโอก็ผงกศีรษะน้อยๆ รสชาติของข้าวเปรี้ยวนิดๆ ช่วยชูรสให้เนื้อสัตว์อร่อยยิ่งขึ้น 

                “ซูชิ...น่าจะเป็นพระเอกของร้านนี้ ส่วนที่เหลือก็ถือว่าพอใช้ได้”

                ภาษาญี่ปุ่นที่ออกจากเรียวปากเรื่อของเขา

                “ร้านก็จัดได้น่ารักพอสมควร”

                นิ้วเรียววางตะเกียบแล้วคว้าปากกาไปจดอะไรบางอย่างเป็นตัวคันจิ ทำให้ดุจหทัยที่แอบแวะเวียนมองว่าชายหนุ่มทำอะไรถึงกับหน้ามุ่ย เพราะอีกฝ่ายไม่เผยอะไรสักอย่างให้พอรู้บ้าง เช่นนั้นจึงเลี่ยงไปคุยกับเด็กสาววัยใสที่แวะเข้ามาทานอาหารเย็น

                “ไปไหนกันมาเนี่ย...แต่งตัวสวยเชียว”

                “สยามค่ะ”

                “ช๊อปมาเยอะล่ะสิ เออกั้ง...เสื้อตัวนี้สวยดีเนอะ...ตัวเท่าไหร่อ่ะ?”

                แม่ค้าหน้ามนถามนักศึกษาคนเดิมที่สวมชุดเดรสสั้นสีโอลด์โรสสไตล์เกาหลี ดูน่ารักน่าทะนุถนอมราวกับหญิงสาวผู้อ่อนหวาน หญิงสาวชอบตรงที่มันมีโบว์ทำจากผ้าชีฟองลวดลายผีเสื้อสีขาวตัวจิ๋วสองอันติดตรงหัวไหล่

            “แค่ 299 เองค่ะ” 

            “โห! ถูกอ่ะ...ซื้อที่ไหนเหรอ”

                “ร้านพี่ไก่ไง”

                “อ๋อ...หัวมุมตึกฝั่งโน้น พี่ก็ว่าจะไปดูๆ บ้างเหมือนกัน”

                ทว่าเด็กสาวที่คุยด้วยซึ่งเป็นลูกค้าประจำร้านรีบส่ายหน้าพัลวัน มันดับความหวังของคนถามเสียหมดสิ้น เมื่อรู้ว่ามันเหลือตัวสุดท้าย และยังขนาดเล็กเกินกว่าจะขายออกได้ง่ายๆ ดังนั้นเจ้าของร้านจึงตัดสินใจลดราคาให้  

            “ทำไมล่ะ”

            “ก็หนูไม่แน่ใจว่าไซด์ของพี่นกยูงมีรึเปล่านะ”

                “พี่ตัวใหญ่มากเลยเหรอ”

                ดุจหทัยก้มลงมองร่างของตัวเอง โดยไม่เห็นสายตาเอ็นดูจากเพื่อนรุ่นน้องบ้านใกล้เรือนเคียงนามชีวิน ดวงแก้ว ก้าวเท้าเข้ามาหาพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทาง

                “ก็...”

                “คุยอะไรกันจ๊ะสาวใหญ่สาวน้อย”

                “ว๊าย! พี่วิน...หวัดดีค่ะ ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึ้ง...คิดถึง”

                กั้งเป็นฝ่ายทักทายก่อน พร้อมกับเพื่อนๆ ที่ยกมือไหว้ แล้วสาวๆ ก็ทักทายชายหนุ่มผิวสีทองแดง รูปร่างสูงเกินมาตรฐานชายไทยไปสัก 5 เซ็นติเมตร หุ่นกำยำแข็งแรง เพราะอาชีพที่เป็นฟิตเนส เทรนเนอร์ และเดือนหน้าก็ดูเหมือนจะได้งานแสตนอินให้กับดาราชายคนหนึ่งอีกด้วย

                “เหมือนพี่เลย...ดีใจจริงๆ ที่สาวสวยๆ มาบอกแบบนี้”

                “ปากหวานเชียว แต่เอาไว้ใช้กับพี่นกยูงคนเดียวเหอะ พวกหนูๆ ไม่กล้าหรอก...กลัวที่นกยูงงอนน่ะค่ะ”

                “ยายกั้ง!!”

                และเป็นดุจหทัยที่เดือดร้อนกับวาจานั้นแทน เสียงของร่างอ้วนใช่จะเบา เพราะมันเข้าหูของคัตซึโมโตะซึ่งเหยียดยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ยายผู้หญิงตุ๊ต๊ะอ้วนกลมคนนี้ยังมีผู้ชายมาชายตาแลด้วยอย่างนั้นหรือ?

“แหม! ทำเป็นเขินนะพี่นกยูง แต่จริงๆ ดีใจใช่มั้ยล่ะ...แล้วดูพี่วินสิ ยังซื้อกาแฟสดมาฝากด้วย โอ๊ย! รักกันจริงนะเนี่ย”

“หยุดเลยนะ”

“อายล่ะสิ”

“นกยูงไปทำงานต่อเหอะ...ไม่ต้องไปฟังพวกนี้ เดี๋ยวเกิดโมโหเอาถาดฟาดหัวน้องๆ มันจะบุบเอาได้”

ชีวินหัวเราะร่วนเมื่อโดนพวกนกกระจอกตัวน้อยเหล่านั้นวีนใส่  

“สมน้ำหน้า!”

ดุจหทัยสำทับเข้าให้อีก ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ แต่ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีได้ข้าวปั้นทุกหน้าก็เรียงตัวสวยอยู่ในถาดด้วยจำนวนที่พอขายสำหรับลูกค้ากลุ่มแรก และพอหญิงสาวเห็นว่าคัตซึโมโตะลุกขึ้นจากร้านพร้อมกับเก็บกล้องถ่ายรูปลงกระเป๋าเป้ก็รีบถอดผ้ากันเปื้อนโยนให้แก่ชีวิน พลางสำทับว่าเธอจะไปธุระสักครู่ ให้เพื่อนคนนี้จัดการเรื่องข้าวปั้นให้เรียบร้อยด้วย 

ร่างอ้วนมีสีหน้าไม่ไว้ใจการกระทำของลูกค้าคนแรก รีบตามติดร่างสูงโปร่งไปติดๆ ตาก็จับจ้องไม่ให้คลาด ทุกการกระทำของเขามิได้มีอะไรมาก นอกจากเดินดูร้านต่างๆ ภายในพื้นที่อย่างสนใจ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร...ร้านไอศกรีมและเครื่องดื่ม หรือแม้แต่ร้านหนังสือสำหรับให้พวกนักศึกษามาจับจ่ายใช้สอยกัน 

“อีตาหน้าขาวสงสัยจะว่างงานจัด...ว่าแต่ทำไมคุ้นๆ ทั้งเสียงทั้งหน้าตาว่าคลับคล้ายคลับคลากับเพื่อนบ้านคนใหม่นะ หรือว่าจะเป็นเขา”

เธอได้แต่บ่นพึมพำตามหลังชายหนุ่มไป เมื่อตามทุกฝีก้าวจนแทบจะลิ้นห้อย ความเหน็ดเหนื่อยที่ก่อตัวจนรู้สึกคล้ายครั่นเนื้อครั่นตัวคงมีสาเหตุมาจากการที่ต้องพยายามปิดบังไม่ให้ตัวเองเป็นเป้าสายตาของเหล่าน้องๆ นักศึกษาที่จะเข้ามาทักทายเกือบตลอดทางที่ไปนั่นเอง 

“นี่คุณ! ฉันเบื่อแล้วนะ...จะเดินอ่อยผู้หญิงไปถึงไหนกัน ดูสิ! มองกันตาเยิ้ม น้ำลายย้อยเลยนะยะ...จะบอกให้ว่าอีตานี่เป็นเกย์ ไม่สนใจพวกเธอหรอก”

“พูดถึงผมไม่ดีเลย”

อยู่ๆ คนบ่นก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเขาหันมาต่อว่า ทั้งที่เงียบสนิทมาเกือบครึ่งชั่วโมง 

“เอ่อ”

“เอาอย่างนี้...ไปด้วยกันดีกว่า จะได้รู้ว่าคุณจะว่าผมยังไงอีก”

คัตซึโมโตะมิได้รอให้คนที่ตามมาเป็นสปายตัวกลมได้ทักท้วงสักคำ เพราะชายหนุ่มถือวิสาสะจับข้อแขนอวบๆ ไว้แน่น แล้วออกแรงกระชากให้หญิงสาวเดินขาพันกันคดไปเคี้ยวมาด้วยการลัดเลาะไปตามห้องแถวจนกระทั่งถึงรถเก๋งคันหรูป้ายแดงสีดำมันเลื่อมจอดอยู่ มันโดดเด่นเสียจนเรียกร้องให้ใครต่อใครเหลียวมองด้วยความชื่นชมปนริษยา 

“ขึ้นรถสิ”

“ว่าไรนะยะ?”

ไฟเหลืองสว่างวาบด้วยรถถูกปลดล๊อกจากรีโมท ทำให้ร่างอ้วนมองชายหนุ่มด้วยความข้องใจเมื่อโดนเขาดันให้เข้าไปนั่งคู่ตอนหน้า แต่หญิงสาวไม่ยอมกลับพยายามออกแรงดันประตูรถออกมา จนเขาใช้ฝ่ามือเรียวยาวทาบขอบประตูและลงน้ำหนักไว้แน่น เท่านั้นไม่พอยังกดปุ่มล๊อกจากรีโมทจนคนถูกขังได้แต่หน้ามุ่ยใส่ร่างสูงโปร่งที่เดินอ้อมด้านหน้ามาขึ้นทางฝั่งขนขับอย่างรวดเร็ว 

“ช่วยบอกทางผมหน่อยสิ”

“จะบ้าเหรอ!”

                ดุจหทัยตะคอกเสียงใส่เจ้าของรถที่กดรีโมทอย่างรวดเร็วขณะผลุบเข้ามาในรถ โดยที่เธอยังไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวหนีลงไปได้เลยแม้น้อย 

                “พูดเบาๆ หน่อย”

                “เอ๊ะ!”

                ชายหนุ่มทำเป็นอมยิ้มตอบกลับคืนมา แม้จะดูดีมีเสน่ห์ แต่คนที่ยึดมั่นในรักครั้งแรก ไม่มีทางหวั่นไหวง่ายๆ

                “ผมเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้...ไม่ชินทาง ช่วยนั่งเป็นเพื่อนดูถนนให้หน่อยได้มั้ย”

                “ดูถนน? คุณก็ดูเองสิ จีพีเอสก็มีนี่นา”

                คนถูกลากขึ้นมาด้วยเถียง แถมยังชี้นิ้วอูมๆ ไปที่อุปกรณ์ชิ้นนั้นด้วย

                “มันไม่เหมือนมีคนคอยบอก”

                “หึ!”

                หญิงสาวทำเสียงเยาะขึ้นจมูก แต่ก็เผลอบอกให้เขาเลี้ยวไปทางซ้ายมือเพื่อเข้าถนนใหญ่ซึ่งตัดขึ้นมาใหม่ แล้วก็มีหมู่บ้านจัดสรรขึ้นหลายโครงการ

                “เอาเป็นว่าช่วยผมหน่อยแล้วกัน”

                “คุณอย่ามาทำเสียงออดอ้อนเจ้าชู้แบบนี้เลยนะ...ฉันไม่เคลิ้มหรอก”

                มือชื้นเหงื่อซึ่งสอดไว้ในกระเป๋าสะพายตลอดเวลากระชับกระป๋องสเปรย์พริกไทย และแล้วก็ตัดสินใจหยิบมันออกมาแล้วหันปากพ่นไปทางเจ้าของรถ

                “รู้ได้ซะด้วยว่าไอ้นี่คือสเปรย์พริกไทย”

                “ผมรู้”

                “ก็ดี!...อ๊ะๆ อย่ามาคิดร้ายอะไรกับฉันนะ...ฉันรู้ว่าถึงฉันจะเป็นผู้หญิงสวย ดูอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วฉันคาราเต้สายดำนะ! ไม่มีทางกลัวคุณหรอก”

                จากประโยคนี้ส่งผลให้คิ้วเข้มเหนือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเลิกขึ้น แถมแววตายังเจือด้วยความขบขันเมื่อร่างอ้วนนี้ดูเหมือนจะมั่นใจในตัวเอง แต่กลับมองเขาด้วยท่าทีระแวดระวัง น่าขำตรงที่ไม่ได้เหมือนแม่แมวป่าปราดเปรียว หากเป็นแม่หมูตุ๊บป่องต่างหาก

                “ผมคงไม่ทำอะไรคุณเหมือนกัน”

                “ว่าได้เหรอ”

                “หมายความว่ายังไง”

                คนที่ไม่ใคร่จะสัดทัดภาษาไทยนัก ด้วยความที่มีหลายเชื้อชาติ อีกทั้งใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนกว่า 20 ปี ถามซ้ำ ก่อนจะสั่งด้วยเสียงเพื่อให้เครื่องเสียงทำงาน รถคันนี้หรูหราและสะดวกสบายจนคนที่เคยนั่งแต่รถกระบะมือสามถึงกับเคลิ้มกับมันไม่น้อย

                “ผมไม่เก่งภาษาไทย”

                “อือ...แค่ฟังสำเนียงก็รู้แล้วว่าคุณไม่สันทัด เพราะฉะนั้นอย่าให้อธิบายเลย...ไม่งั้นก็วนๆ อยู่ในอ่างไม่ไปไหนทั้งนั้น”

                “แต่ผมอยากรู้”

                ทว่าดุจหทัยกลับทำเสียงจิ๊จ๊ะ

                “ก็ได้ๆ...มันก็ครือไอ้ที่พูดนั่นแหละ ทำนองว่าที่คุณพูดมันเชื่อได้รึไงแบบนี้อ่ะ”

                “อ้อ”

                “ว่าแต่รถคันนี้สวยเนอะ...คันใหญ่โออ่า พอเข้ามานั่งข้างในกว้างขวาง เบาะก็นิ่มด้วย น่าจะหลายล้านเนอะ”

                “มั้ง?

                คนที่เปรยออกมาก่อนหน้าถึงกับขมวดคิ้วต่อคำตอบของเขา

                “อ้าว”

                “คนอย่างผมไม่มีรถหรูหราขับหรอก คันนี้เพื่อนสนิทให้ยืมมาขับ...อาทิตย์หน้าก็เอาไปคืนแล้ว”

                คัตซึโมโตะเหลียวมองสบตากลมโต ที่ดูเหมือนจะแสดงอาการผิดหวังออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน อย่าบอกนะว่ายายแม่หมูตุ๊บป่องนี่ก็ชอบผู้ชายรวยๆ เหมือนกัน 

                “อีกอย่างผมชอบใช้บริการรถสาธารณะมากกว่า”

                “อือ”

                “แล้วนี่คุณชื่ออะไรครับ”

                หญิงสาวที่รู้สึกเมื่อยมือ ค่อยๆ หดแขนลงแต่ยังคงชี้เป้าไปทางชายหนุ่ม แล้วย้อนถามเขาเพื่อให้นำร่องก่อน ซึ่งอีกฝ่ายที่เหยียบคันเร่งให้รถพุ่งออกจากสี่แยกไฟแดงก็ยอมตอบแต่โดยดี ชนิดไม่มีเหนียมจนร่างอ้วนถึงกับแอบค่อนขอดในใจ

                “ฉันว่าคุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าฉันชื่ออะไร?...เอาเป็นว่าแค่เพื่อนร่วมทางก็พอย่ะ”

                “เอาเปรียบกันไปหน่อยมั้ย”

                “กล้าพูดนะคุณ!”

                ร่างอ้วนแหวใส่ และก็รีบชี้โบ้ชี้เบ้ไปด้านหน้า เมื่อเห็นว่ารถคันนี้กำลังจะขับผ่านซอยบ้านของตัวเองแล้ว และก็ยิ่งเสียงดังเข้าไปใหญ่เมื่อคนขับทะลึ่งเพิ่มความเร็วเหมือนจะแกล้งเธอให้เลยจุดหมาย แต่อยู่ดีๆ กลับหักหัวรถตัดหน้ารถแท็กซี่ที่วิ่งหาลูกค้าอยู่เลนซ้ายจนเธอถึงกับหัวใจแทบจะวายเมื่อมองผ่านกระจกข้าวแล้วเดาเอาว่าน่าท้ายรถที่นั่งอยู่กับว่าที่คู่กรณีคงจะคลาดกันแค่คืบมือเดียว

                “กลัวเหรอ?”

                “อ้าว! ถามแบบนี้ได้ไง? คุณลองมาเป็นคนนั่งมั้ยละ!”

                ร่างสูงโปร่งหัวเราะขำเสียงดังลั่น เมื่อเห็นใบหน้าอูมบึ้งตึง อีกทั้งแดงก่ำด้วยความโมโหเขา

                “เคยได้ยินมั้ย...คำว่าอกอีแป้นจะแตกน่ะ เมื่อกี้น้ำลายเหนียวคอไปหมด...เห็นหน้าคุณจืดๆ แบบนี้ ไม่คิดว่าจะบ้าบอคอแตกได้เหมือนกันนะ”

                “หือ?”

                “อกอีแป้นจะแตก ก็คือ...อุ๊ย!! รถหลังบีบแตรแล้ว งั้นฉันลงตรงนี้แหละ...บายนะ อ้อ! ปลดล๊อกด้วยย่ะ คุณหมูเผือกชุบแป้งทอด”

                ผู้โดยสารจำเป็นที่โดนลากขึ้นมา รีบเก็บของในมือลงกระเป๋า แถมยังล้อเขาเล่นด้วยคิดว่าไม่มีทางเจอะเจอกันอีกแน่นอน กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรแสนวุ่นวายแห่งนี้ คนมีสิบเป็นสิบล้าน จะให้สองในล้านมาหมุนมาเจอกัน ถ้าไม่ได้ตั้งใจมาเจอแล้วล่ะก็ บอกได้คำเดียวว่า...ยาก

                “นี่คุณ!”

                “เปิดแล้ว...ลงไปได้เลย อ้อ! แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณแม่หมูตุ๊บป่อง”

                คัตซึโมโตะหัวเราะร่วนเมื่อคนที่ลงจากรถไปนั้น ยืนเท้าเอว นิ่วหน้าใส่ผ่านกระจกใส ก่อนจะหันขวับสะบัดหน้าหนีจนผมดัดเป็นลอนซึ่งตอนนี้ยางรัดผมหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้นั้นกระเด้งกระดอนน่ามองไม่น้อย ชายหนุ่มไม่สนใจว่าจะจอดรถแช่อยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน รู้เพียงแต่ว่าเขาแอบมองตามก้นใหญ่ๆ ของดุจหทัยเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าซอยไปอย่างรื่นรมย์

นั่นก็เพราะวันนี้คิดว่าเจอแล้วก็ล๊อคเป้าหมายได้แล้ว...หญิงสาวหน้าสวยแฉล้มคนนี้ น่าจะเหมาะสมสำหรับเข้ารับการคัดเลือกเป็นนางแบบหน้าปกนิตยสารชั้นนำระดับโลกที่จะรวมเหล่าผู้หญิงเจ้าเนื้อจากทุกประเทศในเอเซียมาอวดโฉมบนปกในลุคส์สาวรูปร่างพอดิบพอดีอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง

คอมเมนต์ ให้กำลังใจกันบ้างก็ได้ค่ะ อิอิ เริ่มเก็บสถิติผู้เข้ามาคอมเมนต์ และความเห็นกระแทกใจแล้ว จะได้แจกหนังสือเรื่องนี้ถ้าพิมพ์จำหน่ายแล้ว

 
Link to Post    -Back to Top

Bookmark and Share

Reply topic :: แสดงความคิดเห็น
ชื่อผู้โพสต์:  เช่น John
ภาพไอคอน:    icon
แปะรูป:  
รายละเอียด:
Emotion:




Security Code:       Verify Code  
     Bookmark and Share
Advertising Zone    Close
 
Online:  1
Visits:  64,248
Today:  12
PageView/Month:  36

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com